คัดมาเน้นๆ กับคำถามที่คนถามมาเยอะมากที่สุด!
ข้อที่ 1
คำถาม : หลังทำจมูกเสร็จแล้ว ถอดเฝือกออกแล้ว สามารถออกกำลังกายหนักๆได้หรือไม่
ตอบ : หลังถอดเฝือกยังไม่ควรออกกำลังกายหนัก เพราะจะทำให้จมูกบวมขึ้นได้ ควรใช้ชีวิตประจำวันตามปกติค่ะ (ระยะเวลาในการถอดเฝือก กรณีเสริมแบบ close technique จะอยู่ที่ 3 วัน ส่วน open thechnique จะอยู่ที่ 7 วัน นะคะ)
ข้อที่ 2
คำถาม : เวลาเสริมจมูก สามารถตัดปีกจมูกไปพร้อมกันได้เลยหรือไม่
ตอบ : สามารถเสริมจมูกและตัดปีกจมูกไปพร้อมกันได้เลยค่ะ แต่จะต้องขึ้นกับบุคคล บางคนที่มีปีกจมูกเล็กและรูจมูกแคบอยู่แล้วจะไม่แนะนำให้ตัดปีกจมูกนะคะ เนื่องจากจะทำให้จมูกดูบี้ การตัดปีกจมูกจะเหมาะกับคนที่มีจมูกบานและฐานจมูกกว้างค่ะ แนะนำให้ตัดปีกจมูกพร้อมกับเสริมจมูกได้เลยนะคะ
ข้อที่ 3
คำถาม : อายุ 17 ปี สามารถเสริมจมูกได้หรือไม่ มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ระยะเวลาในการพักฟื้นนานหรือไม่
ตอบ : กรณีที่อายุ 18 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป สามารถเสริมจมูกได้เลย แต่หากอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องเข้ามาให้แพทย์ประเมินดูว่ากระดูกจมูกจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ หรือว่ากระดูกหยุดการเจริญเติมโตแล้ว ในส่วนของการพักฟื้นยิ่งอายุน้อยระยะเวลาในการพักฟื้นก็จะไม่นานค่ะ ***แต่สิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่อยากเสริมจมูก แต่อายุไม่ถึง 20 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองด้วยนะคะ แบบเป็นลายลักษณ์อักษรค่ะ
ข้อที่ 4
คำถาม : การรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู สามารถป้องกันการทะลุได้หรือไม่
ตอบ : ไม่ว่าจะรองปลายด้วยเทคนิคอะไร หากทำการเสริมจมูกจนโด่งเกินไป พุ่งเกินไป ก็สามารถมีโอกาสทะลุได้นะคะ เนื่องจากการทะลุไม่ได้ทะลุเฉพาะตรงปลาย อาจทะลุด้านในหรือด้านบนก็ได้ค่ะ ต้องทำอยู่ในความพอดีนะคะ สวยและปลอดภัยค่ะ
ข้อที่ 5
คำถาม : จัดฟันยังไม่เสร็จ สามารถทำจมูกได้หรือไม่
ตอบ : สามารถทำได้เลยค่ะ เนื่องจากการจัดฟันและการเสริมจมูกเป็นคนละฐานกระดูกกัน ไม่เกี่ยวข้องกันนะคะ
ข้อที่ 6
คำถาม : เสริมปลายหลังหู จะทำให้ปลายจมูกแข็งหรือไม่
ตอบ : เนื่องจากกระดูกหลังหูเป็นกระดูกอ่อน จะทำให้มีความแข็งอยู่เล็กน้อย ในกรณีที่คนไข้มีเนื้อที่บางมากๆ เมื่อเวลาผ่านไปอาจมีโอกาสเห็นขอบกระดูกได้ แนะนำให้เข้ามาพบแพทย์เพื่อประเมินเนื้อจมูกว่าเหมาะกับการแต่งปลายด้วยวิธีไหนนะคะ
ข้อที่ 7
คำถาม : หากคางยื่น จะสามารถเสริมคางได้หรือไม่
ตอบ : ต้องทำการประเมินว่าปัญหาคางยื่นนั้น เกิดจากกระดูกขากรรไกรยื่นหรือเกิดจากกระดูกที่คางยื่น กรณีที่คางยื่นเกิดจากกระดูกคางยื่นในการผ่าตัดจะไม่ใช่การผ่าตัดเพื่อใส่ซิลิโคน แต่จะเป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขกระดูกที่ยื่นและดึงเข้าเพื่อให้ยื่นน้อยลง ในกรณีที่ไม่อยากผ่าตัดสามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยในการตกแต่งให้คางดูยื่นน้อยลงได้ค่ะ
ข้อที่ 8
คำถาม : ทำตาสองชั้นเจ็บหรือไม่
ตอบ : จะเจ็บนิดนึงนะคะ ตอนที่ฉีดยาชาที่เปลือกตา แต่ความเจ็บจะอยู่ในระดับเดียวกับการฉีดสิวค่ะ หลังจากยาชาออกฤทธิ์ก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้วนะคะ
ข้อที่ 9
คำถาม : ทำจมูกมาแล้ว เวลาถอดเสื้อที่แน่นๆทำให้เสื้อไปเกี่ยวจมูก จะทำให้จมูกเบี้ยวหรือไม่
ตอบ : ในการเสริมจมูกหากซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม คือ ใต้เยื่อหุ้มกระดูก ไม่ว่าเราจะขยับจมูกยังไงก็จะไม่เบี้ยวค่ะ แต่หากคนที่มีปัญหาซิลิโคนลอย (ซิลิโคนขยับได้ แสดงว่าตำแหน่งของซิลิโคนไม่ได้อยู่ที่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก) แค่ขยับนิดเดียวซิลิโคนก็เบี้ยวค่ะ
ข้อที่ 10
คำถาม : การรองปลายโดยเนื้อเยื่อเทียม กระดูกหลังหู เนื้อก้นกบ ต่างกันอย่างไร
ตอบ : แต่ละเทคนิคจะมีข้อดีและเหมาะสมกับลักษณะจมูกที่แตกต่างกันออกไป (รอชมคลิปอย่างละเอียดเกี่ยวกับวัสดุรองปลายจมูกแต่ละประเภท จากคุณหมอมิว someko เร็วๆนี้นะคะ ^^)
ข้อที่ 11
คำถาม : ตัดปากกระจับมาแล้ว หลังจากนั้นไปฉีดฟิลเลอร์ปาก แต่หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วทำไมริมฝีปากไม่ฟูเท่ากับคนที่ไม่เคยทำปากกระจับ
ตอบ : เนื่องจากหลังจากตัดปากกระจับไปแล้วที่ริมฝีปากจะมีแผลเป็นแข็งๆเกิดขึ้น ซึ่งแผลเป็นจะเป็นเยอะหรือน้อยขึ้นกับแต่ละบุคคล ในคนที่เป็นแผลเป็นเยอะ แข็ง เวลาฉีดฟิลเลอร์เข้าไปก็จะติดทำให้ไม่สามารถดันให้ฟูได้เท่ากับคนที่ไม่มีแผลเป็นค่ะ แต่ก็จะยังเห็นความแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์อยู่นะคะ
ข้อที่ 12
คำถาม : หลุมสิวที่ไม่ลึกมาก รักษาประมาณกี่ครั้งถึงจะหายและดีขึ้นอย่างชัดเจน
ตอบ : เนื่องจากหลุมสิวมีหลายประเภท ทั้ง Ice pick scar / Rolling scar / Box scar ซึ่งจะใช้วิธีในการรักษาที่ไม่เหมือนกัน (รอติดตามคลิป รักษาหลุมสิวกับหมอมิว someko ได้เร็วๆนี้นะคะ ^^) แต่โดยปกติแล้วการรักษาหลุมสิวทุกประเภทจะต้องรักษาต่อเนื่อง อย่างน้อยประมาณ 3-5 ครั้ง นะคะ
อย่าลืมติดตามเนื้อหาดีๆ ที่คุณหมอมิว someko จะนำมาฝากทุกคนกันเรื่อยๆนะคะ ติดตามได้ทุกช่องทางของ someko เลยค่ะ ^^